วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

"อภิสิทธิ์"ขอเป็นนายกฯอีกสมัยก่อนวางมือ..."เนวิน" ลั่น เลิกยุ่งการเมือง...???

เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทยไม่อาจทราบได้ ผมได้ยินเสียงของ "เนวิน ชิดชอบ"อย่างน้อยสองครั้งแล้ว ที่ย้ำว่า จะเลิกเล่นการเมือง ไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองอีก แม้กระทั้งตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี"

"เนวิน" บอกว่า กำลังมีความสุขอยู่กับการสร้างทีมฟุตบอล และมีความสุขยิ่งกว่าอยู่ในแวดวงการเมืองด้วยซ้ำ แต่เวลานี้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับน้องๆในแวดวงการเมืองแห่งพรรคภูมิใจไทยตามที่เขามาขอคำปรึกษา

แต่น่าแปลกใจว่า "ไม่มีใครเชื่อ"ว่าเนวินจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจริงๆถึงขั้นวางมือ ไม่รับแม้กระทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอนาคต

และยังเชื่อว่า การเติบโตของพรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่อง จนนักการเมืองต่าวสายไหลเข้ามากองอยู่กับพรรคภูมิใจไทย และมีแต่จะเติบโตยิ่งขึ้นในอนาคต และอาจเข้าไปเบียดแทรกฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยในภาคอิสาน และภาคเหนือด้วย

ไม่เชื่อถึงขนาดสัญญลักษณ์ของความเป็นเนวินโดนระเบิดมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกที่ซอยรางน้ำแห่งโรงแรมพูลแมน และตามาด้วยเหตุยิงเอฌม 79 ถล่มบ้านพักของ "คะแนน สุภา" แม่ของกรุณา ชิดชอบ ภรรยาของคุณเนวิน และคะแนนก็คือ พ่อตาของเนวินนั้นเอง

คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ครับ นอกจากระเบิดการเมือง

แม้หลายคนอาจจะคิดว่า ไม่จริงหรอกที่เนวินบอกว่า เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะบวกกับภาพที่กำลังจัดสร้างอยู่ น่าจะเป็นการสร้างฐานใหญ่ ถ้าเลิกเล่นการเมืองจะสร้างฐานให้เหนื่อยไปทำไม

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อครั้งลี้ภัยการเมืองไปอยู่เดนมาร์ค ก็เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะเลิกเล่นการเมือง ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวแล้ว แต่ท้ายที่สุด ร.ต.อ.เฉลิม ก็กระโดดลงมาเล่นการเมืองอีกครั้งจนถุงปัจจุบัน

เหรือเป็นเพราะเหตุนี้ จึงทำให้คนไม่เชื่อว่า "เนวิน ชิดชอบ"จะเลิกเล่นการเมืองจริงๆตามที่ลั่นวาจาไว้

ล่าสุด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ออกมาลั่นวาจาอีกคนว่า ถ้าชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า และได้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สองจะเลิกเล่นการเมืองเช่นกัน

โดยเมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ คณะ Young Liberals and Democrat of Asia เดินทางเข้าพบ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งระหว่างการพบปะซึ่งตัวแทนได้มีการสอบถามสถานการณ์การเมืองภายในประเทศไทย โดยนายกฯ กล่าวช่วงหนึ่ง ว่า นับตั้งแต่มีการยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นโอกาสที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และตนได้เป็นนายกฯ ตลอดเวลา ปีครึ่งที่ผ่านมาก็ประสบปัญหาความท้าทายในหลายเรื่อง แต่รัฐบาลก็สามารถฝ่าฟันวิกฤติมาได้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องภายใน 1 ปี คาดการณ์ว่า จะขยายตัวถึง 7%

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนวางเป้าหมายว่า เมื่อชาติบ้านเมืองสงบแล้วก็พร้อมที่จะจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งตามวาระก็จะจัดให้มีการเลือกตั้งอยู่แล้วในเร็วๆ นี้ โดยเหตุผลที่ทำให้ผ่านวิกฤตต่างๆ มาได้ เป็นเพราะมีจุดยืนและอุดมการณ์ในทางการเมือง เพราะตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและมีความตั้งใจมายาวนาน ตั้งแต่เป็นเด็กสนใจงานทางการเมือง และคิดเสมอว่า หากได้มีการพัฒนาบ้านเกิดของตนเองก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก เมื่อประชาชนให้โอกาส ก็จะทำให้ดีที่สุด เพราะหากไม่มีอุดมการณ์ก็จะทำงานลำบากมากท่ามกลางความขัดแย้งที่มีอยู่ แต่เพราะมีอุดมการณ์ทำให้ผ่านพ้นอุปสรรคและเดินหน้าต่อไปได้ ถือว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นประสบการณ์การทำงานที่สำคัญ

“สำหรับตนเข้ารับการเลือกตั้งครั้งแรก เมื่ออายุ 27 ปี และถึงจุดสูงสุดในทางการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้ามีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ หรือปีหน้า ก็ตั้งใจที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งอีกครั้ง หากโชคดีได้รับเลือกให้เป็นพรรคแกนนำ มีอำนาจเป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็ถือเป็นความโชคดีที่ได้รับโอกาสให้เป็นแกนนำรัฐบาลและเป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็คงถึงปลายทางชีวิตทางการเมืองแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็คงต้องพิจารณาอีกอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ หลังชีวิตการเมืองก็คิดว่าจะหาอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งหากทำได้ตามความต้องการก็คงเป็นความโชคดี” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

แม้นายกฯอภิสิทธิ์จะไม่บอกว่า อาชีพที่เหมาะสมคืออะไร แต่อภิสิทธิ์ เคยกล่าวเกริ่นไว้ก่อนหน้าว่า ยากเป็นพิธีกร หรือกลับไปเป็นนักวิชการสอนหนังสือเหมือนเดิมครับ

นี้คืออีกบริบทหนึ่งของการเมืองไทยที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งครับ

+++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น