วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

: : เ ฮี ย ฮ้ อ..งานเข้าแล้วมั๊ยล่ะ..!!!



เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ บิ๊กบอสอาร์เอสฯ แถลงอ้าง
แอนนี่ บรู๊ค ดาราสาวที่อ้างว่ามีลูกกับ ฟิล์ม รัฐภูมิ คบกับ
ผู้ชายรวดเดียว 4 คน พร้อมขอค่าทำคลอดคนละ2.5แสน
ทั้งยังอ้างผู้บริหารช่อง 3 เผยว่า จุ๊น กิตติคุณนักแสดงหนุ่ม
อีกคน ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกโยงเข้ามาพัวพัน

@"จุ๊น"ลั่นไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง"แอนนี่" วอนทุกฝ่ายหยุด
ดาราสาวไม่โต้"เฮียฮ้อ"บอกพูดความจริงหมดแล้ว

"จุ๊น"ลั่นไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งแอนนี่
วอนทุกคนหยุดสงสารนักแสดงสาว-ลูก

@"องค์กรสตรี" รุมถล่ม "เฮียฮ้อ"
เหยียดหยาม-ดูถูกเพศหญิง ปลุกแบนศิลปิน-ผลงาน"อาร์เอส"

@ ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรีจ.ชุมพรซัด"เฮียฮ้อ"
ดูถูกเพศหญิงปลุกต้านศิลปิน-ผลงานค่าย"อาร์เอส"

@ มูลนิธิเพื่อนหญิงให้สังคมรุมประณาม"เฮียฮ้อ
ยุ"แอนนี่" ฟ้องหมิ่นทำลายชื่อเสียงผู้หญิง ให้นึกถึงเด็ก

ที่มา จากมติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285730891&grpid=00&catid=no

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285612749&grpid=00&catid=



ทีนี้เฮียฮ้อไม่งานเข้าได้ยังงัยล่ะค่ะ
ในเมื่อโดนปลุกกระแส ซะขนาดนี้
เคยได้ยินคำโบราณ ท่านกล่าวว่า
" ปลาหมอตายเพราะปาก "
....แต่....
ตอนนี้" เฮียกำลังจะตายเพราะฟิมล์ "


วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

เมื่อ Robert Amsterdam พบ "ใจ อึ้งภากรณ์" ที่ "ราชประสงค์" ลอนดอน


คนไทยที่ลอนดอนส่งรูปชุดนี้มาให้ เป็นการประท้วงของคนเสื้อแดงที่เมืองหลวงของอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อน..19 กันยายน, ครบรอบ 4 ปีปฏิวัติ, มีป้าย "ราชประสงค์" เป็นสัญลักษณ์ว่า "มีคนตายที่นี่"

ที่น่าสนใจคือการปรากฏตัวของ Robert Amsterdam ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณ ชินวัตรยืนเคียงคู่กับ "ใจ อึ้งภากรณ์"

พูดอะไรกัน, ทำอะไรกันไม่มีรายงานรายละเอียด

พอถามแหล่งข่าวที่ไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย, แกก็บอกว่า "ก็รู้ ๆ กันอยู่"

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

บทสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ




ขอเป็น"เติ้งเสี่ยวจิ๋ว"


โพสต์ทูเดย์


สัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้อาสาเป็นโซ่ข้อกลางดับไฟขัดแย้งทางการเมือง พร้อมเสนอแนวทางปรองดองด้วยการตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นแก้วิกฤต...

“เรื่องปรองดองเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องสนับสนุน แต่เจ็บใจเตือนรัฐบาลมาตั้งแต่ต้นแล้ว เขาไม่ฟัง เอาล่ะวันนี้ยังมีช่องทางอยู่ เราก็ต้องเสนอไปเพื่อแก้วิกฤต”

“บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้อาสาเป็น “โซ่ข้อกลาง” ตั้งแต่เกิดวิกฤตเหลืองแดงใหม่ๆ แม้วันนี้ไฟความขัดแย้งยังลุกโชนจากเหตุการณ์พฤษภา 2553 แต่เจ้าตัวยังยืนยันว่า ต้องปรองดองถึงจะแก้ปัญหาขณะนี้ ทว่า สูตรของบิ๊กจิ๋วต่างจากพรรคอื่นไม่ใช่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เป็น “รัฐบาลเฉพาะกาล” ให้ทุกฝ่ายมาทำหน้าที่แก้วิกฤตชั่วขณะ

นัดสนทนากันที่ชั้น 8 พรรคเพื่อไทย ห้องประธานพรรคเพื่อไทย ติดกับห้องทำงาน สส.ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง “พ่อใหญ่จิ๋ว” ในมาดกระฉับกระเฉงอวดห้องทันที “นี่ขนาดไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคนะ ห้องยังใหญ่ขนาดนี้เลย”

“บิ๊กจิ๋ว” พูดเสียงเข้มถึงเหตุผลที่ทุกขั้วต้องปรองดองว่า ทุกอย่างต้องรีบทำเพราะถ้าปล่อยเวลาเนิ่นนาน คู่ขัดแย้งก็จะปะทะกันไม่เลิก อีก 10 ปีก็ไม่จบ สร้างความเสียหายกับประเทศ กระบวนการปรองดองที่จะเกิดขึ้น ได้พูดหลายครั้งแล้วต้องมี 3 สถาบัน 1.สถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าพระองค์ท่านเสด็จลงมาทุกอย่างก็จบ 2.กองทัพ วันนี้ทหารไปไม่ได้แล้ว เพราะทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง และ 3.ที่หลายคนตั้งความหวัง คือ รัฐบาล มีหน้าที่แก้โดยตรง แต่ถ้ายังไม่ทำอีก ประชาชนก็จะลุกขึ้นมาทำเองแล้วมันจะเสียหาย

พล.อ.ชวลิต เล่าว่า ได้เตือนรัฐบาลมาตลอดตั้งแต่ก่อนช่วงเสื้อแดงชุมนุมใหม่ๆ ว่า นายกรัฐมนตรีต้องมีจิตใจที่จะเริ่มปรองดองก่อน ถ้ายังมองฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ก่อการร้าย หรือรัฐบาลไปไล่ล่าคนฝั่งตรงข้าม กล่าวหาล้มสถาบัน ก็ปรองดองไม่ได้

“ที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ขึ้นมา แล้วกี่ปีจะเสร็จ อย่าง นพ.ประเวศ กับท่านอานันท์ แล้วท่านจะพูดกับใคร เพราะความขัดแย้งมันเกิดระหว่างรัฐบาลที่ต้องเป็นผู้แก้ปัญหากับคู่กรณี”

การทำสงครามกับคอมมิวนิสต์ที่ พล.อ.ชวลิต มีบทบาทในการออกนโยบาย 66/23 เอานักศึกษาออกจากป่าสำเร็จ เป็นตัวอย่างที่บิ๊กจิ๋วนำมาเทียบเคียงกับการแก้วิกฤตหลัง “พฤษภามหาโหด” ครั้งนี้ ว่า ไม่ต่างกัน ครั้งนั้น 1.คู่กรณีฟัดกันมา 20 ปีแล้วเสียหายทั้งคู่ 2.พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน สปอนเซอร์ของนักศึกษาได้ยุติบทบาทและเปลี่ยนนโยบาย 3.สภาพแวดล้อมต่างๆ ของโลก เริ่มเปลี่ยนแปลง

“รัฐบาลเฉพาะกาล คือ เอาทั้งสองฝ่ายมาอยู่ร่วมกันแก้ไข เฮ้ย ใครดี ประชาธิปัตย์ คนนี้เก่งมานี่นะ ไอ้เสื้อเหลือง เสื้อแดง มาอยู่ที่นี่นะ มีเป้าหมายอันเดียว ร่วมกันแก้ไขความขัดแย้ง คนคู่กรณีมาอยู่ร่วมกัน บนความรับผิดชอบร่วมกันภายใต้พระปรมาภิไธย อย่างนี้ถึงจะเดินได้ เราคนไทยต่างเป็นพี่น้องกันนะ ไม่มีใครชนะ แต่มีคนแพ้ทั้งคู่”

พล.อ.ชวลิต เปรียบว่า “รัฐบาลเฉพาะกาล” ไม่ต่างจากรูปแบบ “เขมรสามฝ่าย” ที่ดึงคู่กรณีมาร่วมกันทำงานจนแก้ปัญหาความขัดแย้งสำเร็จหลังเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์

“ของเขาไม่ใช่สองฝ่าย แต่เป็นสามฝ่าย มันตีกันจะตาย เข้ามาอยู่ร่วมกันเป็นเขมรสามฝ่าย เมื่อทำงานเสร็จ ก็ปรับตัวเองออกมา นี่เป็นวิธีแก้ปัญหา (เสียงเข้ม) ตอนนั้นเราแก้สำเร็จที่กัมพูชา เราก็ไปบอกพม่าให้แก้อย่างนี้เหมือนกัน สมัยที่โซหม่อง เป็นผู้นำอยู่ แต่เขาก็ไม่ยอมรับ มันเลยมีปัญหาจนถึงทุกวันนี้” ทว่า รัฐบาลเฉพาะกาลดูท่าจะล้ม เมื่อฝ่ายรัฐบาลไม่มีสัญญาณตอบรับ แต่ พล.อ.ชวลิต ย้ำว่า ถ้าทิ้งความขัดแย้งไว้นานจนถึงการเลือกตั้ง ก็จะปะทุมากขึ้น มันเหนื่อยนะ

ฟันธงได้ไหม พรรคเพื่อไทยไม่ค้านเรื่องนี้?

“บิ๊กจิ๋ว” ทำท่างง “เพื่อไทยที่ไหน ยังไม่เห็นมีเลย เขาพร้อมเดินแนวนี้กันหมด”

“มันยังไม่มีข้อเสนออย่างเป็นทางการจากรัฐบาล ผมเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เสนอเป็นกรอบ ก็บอกแล้ว เลือกตั้งใหม่ก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา แล้วจะเอาอย่างไรดี อย่างน้อยที่สุดเราเปิดช่องให้เดิน สำคัญคือ คนถืออำนาจ คือ รัฐบาล ต้องเป็นคนรับผิดชอบ” พล.อ.ชวลิต พูดขึงขัง

ทีมงานยิงคำถามไม่เลิก เสียงต้านในเพื่อไทย กลายเป็นว่าทะเลาะกันเอง อดีตนายกฯ หัวเราะในลำคอ

“นั่นมันเป็นเรื่องที่ควรขัดแย้ง แต่ขอให้เรายืนบนหลักการที่ถูกต้อง มันก็เท่านั้นเอง คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้เสนอแนวทางอะไรเลย ปล่อยให้ฆ่ากันตาย เมื่อ 20 กว่าปีแล้ว มันยิ่งกว่านี้ ฆ่ากัน เขายังอโหสิกรรมกันได้ จนวันนี้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยได้กี่ตังค์ นี่คือสิ่งที่ได้เห็นใจกัน แต่นายกฯ ไม่มีอะไรในลักษณะนี้ออกมา มันก็ยุ่ง ยิ่งอารมณ์ขณะนี้มันเลยโกรธกันตาย”

พล.อ.ชวลิต ย้ำว่า ถ้านายกฯ อภิสิทธิ์จุดพลุปรองดองก่อน ก็เหมือนกับลูกบอลที่ถูกเขี่ยออก ทุกอย่างจะเริ่มวิ่ง ปัญหาก็จบง่าย แต่เรื่องเหล่านี้ถูกพิสูจน์ในประวัติศาสตร์มามากแล้ว ส่วนการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคภูมิใจไทยที่เปรี้ยงปร้างขณะนี้ เป็นเรื่องที่นายเนวิน ชิดชอบ กำลังหาช่องออกเล่นธรรมดา อย่าคิดอะไรมาก

ก่อนจะร่ายยาวว่า ปัญหาบ้านเราที่มันเกิดขึ้นมีประเด็นเดียว คือ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ยังไม่เป็นจริง โครงสร้างของสังคมยังเป็นรูปสามเหลี่ยม คนรวยอยู่ข้างบน คนจนอยู่ฐานล่างจำนวนมาก มีความแตกต่างเยอะ สังคมไหนที่เป็นอย่างนี้ สังคมนั้นต้องแตกแยกแน่นอน หากไม่เร่งแก้ เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นแน่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“สังคมอยู่กับที่ไม่ได้ มันได้เวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง วันนี้จังหวะเวลาต่างๆ มันให้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ข้อมูลข่าวสารที่แพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น สถานการณ์มันชี้ว่า มันจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่เราอยากเห็นเปลี่ยนแบบสันติวิธีและพาไปสู่ความเจริญก้าวหน้า”

บิ๊กจิ๋ว บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเปลี่ยนแปลงมีกระบวนการที่ใหญ่โตมโหฬารมาก อย่างพลังเสื้อแดงเราอยากให้ไปสู่เป้าหมายที่สร้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยที่เป็นจริงให้ได้ นี่คือ หัวใจ เพราะถ้าพลาดตรงนี้แล้ว ยังไม่แน่ใจว่า ...มันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร

ลับลวงจิ๋ว- “เป็นนายกฯให้โง่”

คำถามที่หลายคนสงสัยมาอยู่พรรคเพื่อไทยเพราะหวังเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ “บิ๊กจิ๋ว”ตอบสั้นๆ พลางหัวเราะ“เป็นให้โง่”

ทำไม? อ้าว...ก็เป็นมาแล้ว ไม่เอาแล้ว ยุ่งจะตาย... (เน้นเสียง) ไม่ดีหรอก เพราะท่านยงยุทธ วิชัยดิษฐ กรุณาทำมาให้ ยามพรรคยากลำบาก แล้วอยู่ดีๆ ก็เอาท่าน ยงยุทธ ออกไป และพอท่านจะกลับมาเป็น ก็จะไม่ให้ท่านเป็นแล้ว...น่าเกลียด

กับกระแสข่าวว่า บิ๊กจิ๋วสนับสนุน “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเน้นแนวปรองดองด้วยกัน เจ้าตัวพูดกว้างๆ ก็สนับสนุนกันทั้งนั้นเพราะอยากให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมา เดี๋ยวนี้เมืองไทยใช้แต่คนแก่ๆ อย่างเมืองจีนเขาเอาคนรุ่นใหม่มาทำงานแล้ว

“ตอนนี้เราอายุก็น้อยแค่ 21 ก็ถึงร้อย (หัวเราะ) เราทำอย่างประเทศอื่นที่เขาทำดีกว่า ให้เจนเนเรชั่นใหม่ทำ เราไปเป็น เติ้ง
เสี่ยว ผิง แห่งเมืองไทยดีกว่า ใช่ไหม กุมความคิด กุมแนวทางอะไรต่างๆ มีประสบการณ์ ก็มาตักเตือนเขา ช่วยเหลือลูกหลานไม่ดีกว่าหรือ”

อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับการที่แกนนำพรรคหลายคนประกาศอยากเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะอย่างน้อยก็แสดงว่า พรรคนี้มีคนเจ๋ง

“พรรคมันใหญ่ก็อย่างนี้แหละ คนนั้นก็มาดึง คนนี้ก็จะมาดึง ปุทโธ่... ทำได้อย่างนี้ ก็น่าชมเชยแล้ว”

ถามตรงๆหลายคนว่า ท่านคิดผิดมาอยู่กับเพื่อไทย? บิ๊กจิ๋วอุทานทันที “ห่วย ... ไปเชื่อเขา สบายจะตาย โอ้โห.. ห้องนี่ก็ใหญ่ฉิบเป๋ง”

ประธานพรรคเพื่อไทย บอกว่า ตอนนี้กำลังปรับระบบในพรรคให้กระชับ เป็นองค์กรนำที่ดีที่ถูกต้อง การประสานงานจะให้ สส.เป็นใหญ่ ทุกอย่างต้องจากล่างขึ้นบน ขึ้นกับมวลชนไม่ใช่บนลงล่าง

“เราต้องการให้สส.เป็นใหญ่ บางคนบอกต้อง ชินวัตรไม่จริง ชินวัตรเขาก็พยายามดีลูท (dilute เจือจาง) อะไรต่างๆ ออกไป ที่จริงเขาก็อยู่เพื่อจะช่วย แต่เมื่อมีเสียงอย่างนั้นก็ไม่เอา ก็ดี”

แต่ถ้าชินวัตรมาดูเองก็ย้ำแบรนด์ทักษิณดั้งเดิมไม่ดีกว่าหรือ

“ก็ๆๆ ... ก็แล้วแต่นะ...ก็ช่วยกันนะ ไม่ใช่เอาคนนู้น คนนี้ แต่พรรคการเมืองมันต้อง สำหรับทุกฝ่าย”

อย่างไรก็ตาม บิ๊กจิ๋ว ปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ได้เป็นไพ่ในสำรับของทักษิณที่ใช้ให้เดินเกมต่างๆ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีรุ่นพลังประชาชน ก็คงเลิกระแวงไปนานแล้ว

“เราเข้ามาตั้งแต่สมัยคุณสมัครแล้วไง น้าหมักก็ไม่ยอม น้าหมักกลัวว่า เราเข้ามาเดี๋ยวเรา... (หัวเราะ) น้าหมัก บอกให้เราลง สส.เบอร์ 6 ที่อีสานเหนือ บอกว่า ของผมจะได้ปาร์ตี้ลิสต์ 10 คน ส่วนท่านขอลงเบอร์1 ที่กรุงเทพ เพราะบอกว่าจะได้แค่ 3 คน”

“น้าหมักกับผมมีเรื่องดีกันเยอะ แต่แกมากลัวตอนหลัง ไม่รู้กลัวเรื่องอะไร ่ท่านสมชายก็พยายามมาช่วย แต่ท่านสมชายก็เกิดมีความเข้าใจอะไรไม่รู้ ครั้งแรกก็ให้เราไปดูแลฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ก็อาจมีคนห่วงว่าเราจะไปอยู่กลาโหม เลยมีข่าวจะเปลี่ยนเราเป็นรมว.ศึกษาธิการ (หัวเราะ) เราก็ไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งมีเรื่องปราบปรามวันที่ 7 ตุลา แล้วผมก็ลาออกก็เพื่อช่วยท่านสมชายโทรศัพท์บอกเองว่า ‘ท่านนายกฯผมออกเอง เราต้องเสียแขนเสียขา รักษาชีวิต ผมจะเป็นแขนขาให้ท่านบริหารไป’บอกอย่างนั้น ไม่ใช่ว่า เราหนีออก แต่เป็นการออกเพื่อช่วย (หัวเราะ) คนมันคิดว่า หนี โด่เอ้ย... ช่วยเขาทั้งนั้นตลอดชีวิต”

ก่อนที่พล.อ.ชวลิต ยอมรับตรงๆถึงภาพที่ทำให้คนนอกและคนในพรรค สับสน ก็เพราะไม่เข้าใจในบทบาทเขา ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคู่ขัดแย้งเพื่อแก้วิกฤต พร้อมยืนยัน ที่สุด หากพ.ต.ท.ทักษิณ อยากเห็นบ้านเมืองสงบจริง ก็ต้องฟังเขา ถ้าไม่ฟังก็จะไม่ทำให้

“นี่นะ...เมีย (ลากเสียง) เขาอยากจะให้พักได้แล้ว ไปเที่ยวบ้าง ไอ้เรา ไม่ยุ่งก็ไม่ได้ มันไม่เห็นทางออก เรามีส่วนสร้างความมั่นคงให้กับประเทศนี้มากับมือ พูดแล้วอะไรก็แล้ว ก็ยังถูกว่า โซ่ข้อกลางมันก็ว่าโซ่สนิม เราอธิบายก็ไม่เข้าใจ จึงกระโดดเข้ามาและก็จำกัดภาระหน้าที่ตัวเอง” พล.อ.ชวลิต ทิ้งท้ายด้วยอาการ

จม.น้อยคืนดีป๋า

ก่อนเข้าพรรคเพื่อไทยเมื่อปีก่อน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แถลงจุดยืน 5 ข้อ หนึ่งในนั้นคือจะปกป้องพิทักษ์ราช|บัลลังก์ แต่นับวันการพาดพิงโจมตีสถาบันก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยต้องแก้ภาพด้วยความพยายามดึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อดึงภาพความจงรักภักดีให้เด่นขึ้น

พล.อ.ชวลิต ย้ำว่า สถาบันกษัตริย์เป็นสิ่งคู่บ้านคู่เมืองและเป็นองค์ประกอบของประเทศ ไม่เหมือนต่างประเทศที่สถาบันเป็นแค่สัญลักษณ์

ส่วนกรณีที่เสื้อแดงบางกลุ่ม เช่น แดงสยาม ต้องการให้สถาบันเป็นสัญลักษณ์เหมือนประเทศญี่ปุ่น อังกฤษนั้น บิ๊กจิ๋วเห็นว่าอาจเป็นความรู้สึกที่เขาศึกษามาอย่างนั้น ความจริงเรื่องนี้คนไทยควรต้องช่วยกันเสริมสร้างพระเกียรติยศ แต่ไม่ใช่ว่าช่วยกันร้องเพลงชาติ หรือเดินขบวนปั่นจักรยาน มันต้องทำด้วยการประพฤติในสิ่งที่พระองค์ได้ชี้ หรือบางทีใครเข้าใจผิด ก็ต้องช่วยกันชี้แจง

“คนก็พูดกันไป มันจะไม่จงรักภักดีอย่างไร ที่นี่ (เพื่อไทย) มีอดีต ผบ.ทบ. 3 คน อดีตนายกฯ อีก 3 นะ (เน้นเสียง) อดีตนายพลเป็นร้อย อดีตข้าราชการผู้ใหญ่ก็เป็นหมื่นในพรรคนี้”

สนทนาไปซักพัก “บิ๊กจิ๋ว” บอกให้ถามเรื่องดุๆ บ้าง จึงซักถึงความสัมพันธ์กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่เหินห่างไปนานนับแต่ลูกป๋าคนนี้เข้าพรรคเพื่อไทย

พล.อ.ชวลิต บอกว่า ที่ผ่านมาคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา เคยส่งผลไม้ไปให้ “ป๋าเปรม” แต่ช่วงนั้น “ป๋าเปรม” ปฏิเสธเพราะงดรับของทุกคน ล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อนส่งการ์ดไปให้ “ป๋าเปรม” ในการ์ดเขียนว่า “ปีก่อนๆ นั้นมีโอกาส มีโชค มีวาสนาได้มาขอพรป๋าครั้งหนึ่ง แต่ปีนี้มีปัญหาทำได้แต่เพียงว่า ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่ง|ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พระบารมีปกเกล้าของพระเจ้าอยู่หัว คุ้มครองท่านด้วย”

บิ๊กจิ๋ว เล่าว่า หลังจากส่งการ์ดไป ก็ได้ข่าวว่า พล.อ.เปรม เขียนข้อความว่า “จิ๋ว?” ทำนองว่า ใช่จิ๋วเปล่าวะ

“คือท่านน่ารักล่ะ ท่านเตือนเราด้วยความรักห่วงใย เพราะเราทำงานให้ท่านมาและท่านก็อบรมสั่งสอนมาตลอด ท่านจะว่าอะไร เราก็โกรธไม่ลง ท่านอาจห่วงว่าเราคิดผิดที่เข้าพรรคนี้ ซึ่งเราก็บอกว่าไม่ใช่ เราอยู่ตรงไหนก็ได้ที่ทำงานให้บ้านเมืองมีสันติสุข และที่วันนี้ไม่ได้ไปเจอท่าน เพราะเราถูกแยกแยะแล้วว่า เป็นนักการเมือง แล้วท่านเองก็ไม่อยากยุ่งกับนักการเมือง ฉะนั้นเราต้องเข้าใจท่าน”

อดีตนายทหารคนสนิทป๋า รำลึกอดีตว่า สมัยก่อนเราทำงาน เข้าออกสนามด้วยกัน กระทั่งขึ้น ฮ. จะชนภูเขาตาย ช่วงหนึ่งบรรดา “ลูกป๋า” จะไปหาอาหารดีๆ ฟังเพลงเพราะๆ ที่ห้องข้างล่างบ้านสี่เสาเทเวศร์ประจำทุก 5 เดือน เป็นบรรยากาศที่ชื่นมื่น สรุปได้ว่า บ้านเมืองเราอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้เพราะ พล.อ.เปรม ที่เป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งที่เราให้เกียรติและเคารพ

ถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่หลายคนเป็นห่วงถึงความเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พล.อ.ชวลิต บอกว่า น้องๆ ทหารทุกคนควรตระหนักในหน้าที่ที่ต้องระมัดระวังเพราะกองทัพเป็นของประชาชน และเป็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนการยึดอำนาจแม้ว่าจะพูดกันตลอดว่า ไม่มีอีกแล้ว แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องอนาคต ตอบไม่ได้ว่าจะมีอีกหรือไม่ เพราะทหารออกมาทีไร ก็มักบอกว่า “ครั้งสุดท้าย” ทุกที จนวันนี้ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญถึง 18 ฉบับแล้ว มากกว่ารัฐธรรมนูญในประเทศยุโรปรวมกันเสียอีก

เพื่อการเมืองชั่วจริงๆ

เพื่อการเมืองชั่วจริงๆ


คมชัดลึก : ในที่สุดสถานทูตซาอุฯ ในไทยก็เลิกเล่นลูกยื้อการออกวีซ่าให้ชาวมุสลิมในไทย เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ หลังจาก พล ต.ท. สมคิด บุญถนอม ประกาศไม่ขอรับตำแหน่งให้เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. หลังจากงอแง เล่นแง่นานกว่าสัปดาห์

มีลูกยุ ลูกเสี้ยม จากนักการเมืองเพื่อคนหนีคุก สร้างปัญหาโดยตลอด!

พล.ต.ท สมคิด ประกาศชัดเจนถึงเจตนา "เพื่อพี่น้องไทยมุสลิมจะได้ไม่สูญเสียโอกาส "ครั้งหนึ่งในชีวิต" ที่จะได้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครเมกกะ จึงขอไม่รับตำแหน่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางมิให้พี่น้องไทยมุสลิมได้ไปสู่ดินแดนแห่งองค์พระอัลเลาะห์"

หลังจากคำประกาศ ก็ได้รับคำยกย่องจากทุกฝ่าย ทั้งชาวมุสลิม แต่ไม่มีเสียงสักแอะ จากพรรคผีโม่แป้ง ซึ่งทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้ซาอุฯ

เจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุฯ เลิกงอแงทันทีหลังจากก่อนหน้านี้บอกว่าจะมีคนลาพักร้อนหลายคน ทำให้งานออกวีซ่าชักช้า ขนาดท่านจุฬาราชมนตรีก็ยังมีปัญหาวีซ่า อ้างว่าโควตาเต็ม

ตอนนี้เจ้าหน้าที่ซาอุฯ ขยันปัจจุบันทันด่วน บอกว่าสามารถจัดการวีซ่าได้มากถึง 2,000 คนต่อวัน และจะมีคนไปเป็นหมื่นๆ คนก็ไม่มีปัญหาแล้ว

เป็นการเสียสละตำแหน่ง ซึ่งซาอุฯ ไม่น่าจะบ้องตื้นเพราะเก้าอี้ผู้ช่วย ผบ.ตร. นั้นเป็นตำแหน่งสูงกว่าเดิมก็จริง แต่อยู่ในขั้น “บ่มิไก๊” ถ้าอยู่ในตำแหน่งเดิมได้ พล.ต.ท.สมคิด ย่อมไม่รังเกียจ!

ก.ตร.ประชุมตกลงให้ “เดอะคิด” ไปอยู่ที่ไหน ป่านนี้คงรู้กันแล้ว แต่โอกาสที่จะนั่งอยู่ที่เดิม เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 คุมภาคเหนือตอนบนเหมือนเดิมคงไม่ได้ จะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายป่วนอีก

ที่สำคัญ พวกเสื้อแดงภาคเหนือ และพรรคเพื่อคนหนีคุกต้องโวยอีก!

ถ้าให้มานั่งเป็นผู้บัญชาการภาค 1 คุมพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ พวกแดงชายขอบ และพรรคเพื่อคนหนีคุก ก็ต้องไม่ยอมอีก และจะเสี้ยมซาอุฯ ให้เล่นแง่ อ้างว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ มีอิทธิพล อาจส่งผลกระทบต่อรูปคดี

ภาค 1 คุมจังหวัดเสื้อแดงก๊วนใหญ่ เช่นปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ดังนั้นพวกหัวโจกแดงทั้งในและนอกสภาต้องฟูมฟาย โวยวาย

ซาอุฯ จะอ้างตามสัญชาตญาณแขกอาหรับ ซึ่งยโส โอหัง หลังจากร่ำรวยจากน้ำมัน กุมทิศทางเศรษฐกิจโลก นึกว่าประเทศไทยต้องง้อตลอดกาล

เรามีปัญหากับซาอุฯ ไม่เป็นไร เพราะส่วนหนึ่งคนไทย และตำรวจไทยส่วนหนึ่งไปทำแสบ เช่นขโมยเพชรซาอุฯ ฆ่านักธุรกิจและเจ้าหน้าที่สถานทูต แต่คดีขโมยเพชรก็ได้ตัวคนร้าย คือนายเกรียงไกร เตชะโม่ง

ส่วนพวกขโมยต่อเนื่อง มีทั้งตำรวจหลายระดับ และนักการเมือง เช่น ป๋าลอ ก็ยังอยู่ในคุกนานกว่า 10 ปี โดนโทษประหารชีวิตไปแล้ว แต่ยังมีคดีค้างอีก จะสิ้นสุดในชาตินี้ หรือตายคาคุกก่อนคดีสุดท้ายจะถูกตัดสิน ก็ต้องรอ

อย่านึกว่าคนไทยบางกลุ่มทำแสบกับซาอุฯ ต้องไม่ลืมว่าคนไทยเจอพวกแขกซาอุฯ แสบ เมื่อต้องไปขายแรงงานและบริการที่นั่น ต้องเผชิญทุกข์สารพัด

นอกจากการถูกเอารัดเอาเปรียบแล้ว พวกแม่บ้านหลายคนต้องเป็นเหยื่อกามจากการถูกข่มขืนโดยพวกซาอุฯ หื่น และไม่มีปัญญาสู้คดีได้

ในซาอุฯ นั้นผู้ชายเป็นใหญ่ หญิงซาอุฯ เองไร้สิทธิ์ ถูกกดขี่สารพัด เป็นประเทศที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน โดยอ้างธรรมเนียมประเพณี หลักปฏิบัติ กฎหมายเช่นการตัดมือ เฆี่ยนด้วยหวาย ใช้ก้อนหินทุบ หรือตัดหัวประจานกลางเมือง ดังที่เจ้าหญิงซาอุฯ เคยโดนมาแล้ว เป็นที่จดจำกันดี

คนไทยทั่วไป ไม่มีใครอยากไปซาอุฯ ยิ่งนักเที่ยวด้วยแล้ว หมดโอกาสหาความสำราญจากการดื่มกินและกิจกรรมซึ่งนักท่องเที่ยวแสวงหา

ถ้าคนงานไทยไม่ได้ไปหากินซาอุฯ ก็ไม่อดตาย รายได้ที่นั่นก็ใช่ว่าจะคุ้ม หลังจากมีชาติอื่นๆ ยากจนกว่าเข้าไปรับค่าจ้างถูกกว่า หรือถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวซาอุฯ มาไทย บ้านเมืองเราก็ใช่ว่าจะสิ้นไร้ไม้ตอก

การแทรกแซง ทำตัวกร่างโดยอุปทูตซาอุฯ จะทำไม่ได้ ถ้าไม่มีนักการเมืองชั่วร้าย จากพรรคชั่วร้ายเข้าไปเสี้ยมสอน ยุยง เพื่อหวังผลการเมืองไม่คำนึงถึงความรักชาติ มีสันดานเป็นขี้ข้า เสือหิว ทำเพื่อเงิน เนรคุณแผ่นดิน

เราถึงมีพรรคเพื่อคนหนีคุก พรรคเพื่อเขมร พรรคเพื่อรัสเซีย และพรรคเพื่อซาอุฯ ทำตัวเป็นมารแผ่นดิน เพราะหวังชิงแต้มต่อทางการเมือง รับบทผีโม่แป้งให้เครือข่ายนักการเมืองกังฉินกินเมืองหนีคุกอยู่ต่างประเทศ

เป็นเครือข่ายพวกก่อการร้าย เผาบ้าน เผาเมือง ปล้นศูนย์การค้า มีเป้าหมายหลักคือล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า ขบวนการชั่วร้ายมีทั้งทหารเกษียณ ข้าราชการ พ่อค้า นักการเมือง พวกนักปลุกระดมมวลชน “สู้เพื่อรวย”

จากนี้ไปต้องรอว่าซาอุฯ จะมีลูกเล่นอะไรอีก คงจะเอานิสัยได้คืบเอาศอกเหมือนพวกพรรคเพื่อคนหนีคุกและขบวนการแดงมาใช้มั้งนิ! อิอิอิ!!

ที่มา

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ให้คุณเลือกนายกฯคนต่อไป...มิ่งขวัญหรือเสธฯหนั่น?



แม้ทั้งสองท่านจะปฏิเสธเสียงแข็งและแรงว่าไม่ได้มุ่งหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย แต่ไฉนแวดวงการเมืองจึงวิพากษ์กันเกรียวกราวว่าอย่างน้อยมีคนบางกลุ่มพยายามออกข่าวทำนองนี้?

คงเป็นเพราะ "กิจกรรม" ของทั้ง "เสธ. หนั่น" ที่เดินสายไปหาเสื้อแดงและเสื้อเหลือง (ณัฐวุฒิแล้วก็สนธิ) เพื่อสร้างความปรองดอง...และยังบอกว่าอาจจะบินไปหาทักษิณด้วย

และกระแสข่าวจากพรรคเพื่อไทยก็บอกว่ามีกลุ่ม ส.ส. ในพรรคที่กำลังลุ้นให้คุณมิ่งขวัญเสนอตัวเป็นนายกฯ เพราะพรรคขาดแคลนคนที่จะเสนอตัวตอประชาชนอย่างน่าปะทับใจได้

เสธฯหนั่นปฏิเสธข่าวเรื่องเป็นนายกฯ บอกว่า ไม่เคยคิด ไม่เคยหวังจะเป็นนายกฯ และยืนยันว่าดำเนินการครั้งนี้เป็นเรื่อง่วนตัว ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง

ใครปล่อยข่าวไม่รู้ว่ามีนายทุนจ่ายเงินเดือน ส.ส.เพื่อไทยบางคนเดือนละหนึ่งแสนเพื่อให้เชียร์คุณมิ่งขวัญ...คุณมิ่งขวัญบอกว่าที่ทำงานให้พรรคก็เพื่อจะช่วยพรรคเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่น

ให้คุณเลือกระหว่างคุณมิ่งขวัญกับเสธฯหนั่น, หากเป็นไปตามที่วงการเมืองบางส่วนคาดการณ์, คุณเลือกใคร?

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ดราม่าอีกแล้ว : เสียงก้อง-ดอกไม้-น้ำตาในเรือนจำ ณัฐวุฒิ นำแสดง..."พี่น้อง...อย่าร้องไห้ ผมใจเข้มแข็ง เราไม่ทิ้งกัน"...




เสียงก้อง-ดอกไม้-น้ำตาในเรือนจำ "ณัฐวุฒิ" ปราศรัยปลุกขวัญสาวกแดง "พี่น้อง...อย่าร้องไห้ ผมใจเข้มแข็ง เราไม่ทิ้งกัน"

ประชาชาติธุรกิจ

โลกภายนอกเรือนจำ เคลื่อนไป ข้างหน้ารวดเร็ว-ซับซ้อนเกินกว่า 7 แกนนำ นปช.จะรับรู้

อดีตแกนกลางการเคลื่อนไหว "แดง" ทั้งแผ่นดิน กลายเป็นแกนที่รอวันหมุนตาม

เมื่อ จู่ ๆ ชื่อ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เคยออกมาประกาศว่าจะเดินหน้า-ลงมือเจรจา เพื่อความปรองดอง บุกไปประชิดตัวถึงในตารางสี่เหลี่ยม

วรรค ทอง-วาระสำคัญ ที่คีย์แมนการเมือง สื่อสาร-ส่งข่าว อธิบายเบื้องหลัง-เบื้องหน้าของการเจรจาใน คุกแดง มีความหมายครอบคลุมทั้งเรื่องการอภัยโทษ-ปล่อยตัว และสิทธิของคนเสื้อแดง และ "รัฐบาลต้องพิจารณา"

72 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น...แคมเปญของคนเสื้อแดงถูกจัดขึ้นหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

คน เสื้อแดงประมาณ 500 คน มารวมตัวกันวางดอกกุหลาบสีแดงหน้าประตู เรือนจำ พร้อมส่งเสียงตะโกนด่าทอ รัฐบาลและเสียงตะโกนให้กำลังใจแกนนำ ที่อยู่ในคุก บางครั้งเลยเถิดถึงขั้นดันแถวเข้ามาโยนดอกไม้ ทำเอาประตูรั้วเรือนจำสั่นไหว

เสียงขานชื่อ "นักโทษ" สลับกับเสียงปลุกปลอบขวัญผู้มาให้กำลังใจ

ทูตเสื้อแดง-ภรรยาของ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ทำหน้าที่เจรจากับสาวกเสื้อแดงข้างนอกก่อนเข้าเยี่ยมสามี

ด้วยข้อจำกัดของเรือนจำ จำนวนคนเข้าเยี่ยม-เห็นหน้า-เห็นตัวเป็น ๆ ของ "ณัฐวุฒิ" จึงเต็มจำนวน เต็มพิกัด เท่าที่ถูกกำหนด

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" เป็น 1 ในจำนวนจำกัด

จึง เห็นภาพ-เสียงที่ทุลักทุเลของบรรดาสาวก-แม่ยกโผเข้าหากันและกัน และส่งเสียงสนทนาที่ต่างฝ่ายต่างพูดแทบฟัง ไม่ได้สรรพผ่านรูเล็ก ๆ บนแถบแผ่นโลหะ

คำแม่ยกมีทั้งข่าวสารสด ๆ ร้อน ๆ แจ้งจำนวนมวลชนที่ร่วมใจไปวางดอกไม้หน้าเรือนจำ

"ณัฐวุฒิ" และแกนนำทุกคนรูปร่างผอมลงอย่างเห็นได้ชัด

"น้ำหนักลดลงไป 6 กิโล เพราะออกกำลังกายทุกวัน ชกมวยทุกวัน" ณัฐวุฒิอธิบายรูปกายที่เปลี่ยนไป ทำให้เหล่าสาวกตื้นตันน้ำตาคลอเบ้า

ณัฐวุฒิ-ปลอบคนเข้าเยี่ยมว่า "อย่าร้องไห้ สภาพจิตใจผมไม่มีปัญหา อยู่ในนี้จิตใจยังเข้มแข็งตลอดเวลา"

คน ข่าว-ถามทุกข์-สุข และเรื่องราวประเด็นข่าวนอกคุก ทั้งเรื่องแผนปรองดอง-แผนเพื่อไทย "ณัฐวุฒิ" ตอบได้แต่เพียงว่า "ไม่รู้เรื่องมากนัก" พร้อมออกตัวว่า "ไม่อยากแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะเกรงว่าจะทำให้ทางเรือนจำเดือดร้อน"

"เวลามีคนมาเยี่ยม มาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ก็ได้รับฟัง และให้กำลังใจ...ฝากความคิดไปบ้างเท่าที่จะทำได้ พยายามบอกพี่น้องให้เข้มแข็ง ยืนหยัดหลักการ สันติวิธีให้เกิดประชาธิปไตย"

ส่วนข้อถกเถียงในโลกภายนอกคุกที่ว่า นปช. (แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) กับพรรคเพื่อไทย ใครจะนำใครกันแน่ ?

"ณัฐวุฒิ" บอกว่า "ประชาธิปไตยนำ ทั้ง 2 องค์กรนี้ไปด้วยกัน ทั้งเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครเดินตามใคร แต่ทั้ง 2 ส่วนเดินตามหลักการประชาธิปไตย และสังคมไทยก็ควรจะได้เดินไปในแนวทางนี้เช่นกัน"

ส่วนคำถามถึงแผน ปรองดองและ ความหวังที่จะได้ประกันตัว "ณัฐวุฒิ" ปฏิเสธว่าไม่ทราบรายละเอียด รวมทั้งยังไม่ทราบว่าจะได้รับการประกันตัวหรือเกือบได้ประกันตัวจากแผน ปรองดอง นอกคุกหรือไม่

นักข่าวชวนสนทนาประเด็นร้อนว่า การนอนคุกของเขาสะท้อนผลแพ้หรือชนะ ของม็อบแดง เขาตอบว่า "เราไม่ได้ทำเพื่อให้เกิดผลแพ้หรือชนะ แต่ทำเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ความแพ้หรือชนะ ของใคร"

เขาอธิบายสถานการณ์ส่วนตัวของเขา และผลที่เกิดกับแกนนำทั้ง 7 คนที่ยังยืน อยู่ในคุกว่า "เป็นเพราะประเทศยังไม่เป็นประชาธิปไตย"

คำถามเชิงปรารภ ชวนปะทะทางความคิด ที่ว่า "ณัฐวุฒิ" อยู่จุดไหนของกระบวนการเคลื่อนไหวไปสู่เป้าหมายของคนเสื้อแดง เขาตอบแต่เพียงว่า

"ผมเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประชาธิปไตย และจะเป็นคนหนึ่งในกระบวนการนี้จน สุดทาง..."

แม้ การไร้อิสรภาพยาวนานกว่า 100 วัน โดยไม่รู้อนาคตว่าจะได้รับการปล่อยตัว เมื่อไร และมีกระบวนการอย่างไร เพื่อให้พ้นคุก แต่แกนนำ "นปช.-ณัฐวุฒิ" ไม่เคยหมดพลัง-หมดกำลังใจ

"สิ่งที่จะลดลงไปก็คือ วัน เวลาที่จะได้ทำภารกิจร่วมกับข้างนอก แต่ขวัญและกำลังใจของพวกเราไม่ลด เราต้อง เข้มแข็งเพื่อพี่น้องทุกคน แกนนำข้างใน คุกดูแลกันและกัน ความเข้มแข็งของเราจะเป็นกำลังใจให้คนข้างนอกตลอด เวลา"

ยามว่างเว้นจากห้วงคำนึงถึงครอบครัว "ณัฐวุฒิ" ลงมือใช้ความรู้-ความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวในฐานะ "นักกลอน" แต่งเพลงเพื่ออนาคต

"วันนี้ ผมตั้งใจจะเขียนเพลงเพื่อบันทึกความรู้สึกในวันนี้ วันที่พี่น้องเสื้อแดงเอาดอกไม้มามอบให้ ผมหวังว่าดอกไม้ที่เอามาวันนี้จะได้ส่งความรู้สึกผูกพันของคนเสื้อแดงไปถึง ทุกชีวิตที่จากไป"

"ถ้าวันนี้พี่น้องเสื้อแดงทำกิจกรรม มอบดอกไม้ให้ผมและแกนนำข้างใน เรือนจำ... ผมก็ขอเป็นตัวแทนจาก คนเสื้อแดงในเรือนจำ...ส่งมอบต่อไปให้ แก่ผู้เสียชีวิต รวมทั้งครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บทุกคนพร้อมครอบครัว ผมอยากบอกว่า ผมรักพวกเขา เราไม่ทิ้งกัน..."

เสียงผู้คุมประกาศ "หมดเวลาเยี่ยม" ทั้งแกนนำ-สาวก-แม่ยก และภรรยาคู่ชีวิตของ "ณัฐวุฒิ" และภรรยา 7 แกนนำ นปช.ต่างทยอยกลับ

ภาพหน้าคุกมีการนำดอกกุหลาบสีแดง พร้อมกระดาษข้อความ จดหมาย เสียบไว้ตลอดแนวรั้วคุก

72 ชั่วโมงก่อนถึงวันครบรอบ 4 ปี 19 กันยา วาระ 4 เดือน จากราชประสงค์ มีทั้งดอกไม้และน้ำตา


***********************************************

ความเห็น

ณัฐวุฒิ เลือกที่จะใช้ความรู้และความสามารถ รับใช้ทักษิณ นั่นคือสิ่งที่เขาเลือกแล้ว คำพูดที่ว่า"อาจารย์เคยเห็นเงินร้อยล้านมั๊ย"เสมือนเป็นคำตอบแทนการกระทำของณัฐวุฒิ

ณัฐวุฒิ เป็นคนใต้ที่คนใต้ด้วยกันชิงชังเป็นอย่างยิ่ง แค่คนเหนือ และ คนอีสาน ที่ผูกพันกับทักษิณ ชินวัตร ถือว่าณัฐวุฒิเป็นฑูตพิเศษของนายใหญ่ที่รับโองการมา เพื่อปัดเป่าความเดือดร้อนให้พวกเขา คำปราศัยที่ว่า"พี่น้อง เผาเลย ผมรับผิดชอบเอง" ซึ่งม็อบแดงก็ได้ทำตามไปแล้ว

ณัฐวุฒิเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืน แต่บังอาจใช้คำพูดสาดใส่ ให้ร้าย พลเอกเปรม ที่สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศมามากมาย ด่าทอองคมนตรีที่ได้รับการโปรดเกล้า อย่างไม่เกรงกลัวความผิดใดๆ กับคำปราศัยที่ว่า"คนเสื้อแดงจะบอกดินบอกฟ้าว่าคนอย่างข้าก็มีหัวใจ คนเสื้อแดงจะบอกดินบอกฟ้าว่าข้าก็คือคนไทย คนเสื้อแดงจะถามดินถามฟ้าว่า ข้าไม่มีที่ยืนที่สมคุณค่าจะถามดินถามฟ้าว่าจะให้ข้าหาที่ยืนเองหรืออย่างไร" ณัฐวุฒิต้องการอะไร สื่อไปยังใคร คำพูดนี้มาจากสามัญสำนึกของณัฐวุฒิ หรือเพียงการประดิษฐขึ้นมาเพื่อประชดประชัน

ประชาธิปไตย ในความหมายของณัฐวุฒิคืออะไร 2 ปี ที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างไร ความหมายจากคำพูดณัฐวุฒิ คืออะไรหรือ ประชาธิปไตยโดยการจูงใจใช้จ้างวาน ประชาธิปไตยที่ทำเพื่อคนๆ เดียว นี่คือสิ่งที่ต้องการใช่มั๊ย คนอย่างณัฐวุฒิ ใช่ว่าจะเป็นที่รักของครอบครัว มวลชนเสื่อแดง แต่ความเกลียดของคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามก็มี ณัฐวุฒิจะทำให้ความรักและความเกลียด ผสมผสานได้อย่างลงตัวได้อย่างไร ในเมื่อคุณยังทำเพื่อตนเอง ทิ้งศักดฺ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ไปรับใช้นายทุน ที่ต้องการทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปตามต้องการของตน คุณไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์แก่ชนชาวเสื้อแดงที่คุณนำมาเพื่อเป็นโล่ห์กำบังให้แก่คุณและพวกพ้องเลย


ทนายเบิ้ม ณ สัมมากร

ที่มา http://www.oknation.net/blog/hardcorelawyer/2010/09/23/entry-1