วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

เขมร ขู่ใช้กำลัง ถ้าไทยซ่อมปราสาท "ตาเมือนธม"


กัมพูชา อ้างสิทธิเป็นเจ้าของปราสาท "ตาเมือนธม" ขู่ไทยไม่ให้เข้าบูรณะซ่อมแซม พร้อมสร้างถนนเข้าสู่ปราสาทและส่งทหาร เขมรตั้งฐานปฏิบัติการส่วนหน้าห่างจากปราสาทตาเมือนธมแค่ 100 เมตร พร้อมทั้งรุกคืบสร้างถนนลูกรังสู่ปราสาท "ตาควาย"

เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟรายงานข่าวระบุว่า วิทยุเอเชียเสรีรายงานข่าวว่าผู้บัญชาการระดับสูงที่ประจำการชายแดนใกล้ปราสาทตาเมือนธมถูก ไทยบีบใช้กำลังทหารถ้าประเทศไทยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าซ่อมแซมปราสาทตาเมือนธม ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาดงรักในแผ่นดินกัมพูชา จังหวัดอุดรมีชัย (Oddar Meanchey)

พลเอก เจีย ดารา (Chea Tara) รองผู้บัญชาการทหารสุงสุด ผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่เขตแดนเขมร-ไทย ระบุว่าคนไทยไม่สามารถเข้ามายัง แผ่นดินกัมพูชาเพื่อซ่อมปราสาทตาเมือนธมซึ่งตั้งอยู่ภายใต้บูรณภาพเหนือดินแดนของกัมพูชาได้ โดยกล่าวว่า “ประเทศไทยไม่มีสิทธิ จะมาซ่อมแซมปราสาทใดๆ ของกัมพูชา การจะดำเนินการดังกล่าวของไทยนับเป็นการรุกล้ำดินแดน และการรุกล้ำใดๆ จะต้องเผชิญ กับการตอบโต้ป้องกันอย่างฉับพลันและทรงประสิทธิภาพ”

ผู้บัญชาการของกัมพูชาออกคำเตือนภายหลังหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงาน เมื่อวันพฤหัสที่ 16 กันยายน ว่ากรมศิลปากรของไทย ได้เตรียมที่จะซ่อมแซมปราสาทตาเมือนธม

นายวร์ คิม ฮอง (Var Kimhong) ประธานคณะกรรมการชายแดนกัมพูชา (Cambodian Border Commission) กล่าววันนี้ว่ากัมพูชาจะไม่ มีทางยินยอมให้ไทยเข้าทำการซ่อมปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากภายใต้สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และ แผนที่ ค.ศ. 1908 ปราสาทตั้งอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และด้วยเหตุนี้จึงเป็นปราสาทของกัมพูชา เขาระบุว่าได้แจ้งแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศของไทยระหว่างที่ เขามาเยือนไทยเมื่อ ปี พ.ศ. 2544 ว่าไทยไม่สามารถแตะต้องปราสาทตาเมือนธมได้ และได้เตือนว่า กัมพูชาจะใช้มาตรการทางกฎหมายหากไทยจะเริ่มทำการซ่อมแซมปราสาท โดยเขากล่าวว่า “ไม่ เราไม่มีทางอนุญาตพวกเขา ปราสาท ตาเมือนธมเป็นปราสาทเขมร ตั้งอยู่ใกล้หลักเขตที่ 23 มากๆ ฝรั่งเศสได้วางหลักเขตทางเหนือของสันปันน้ำ และสำหรับปราสาทตาเมือ นโต๊ด (Ta Moan Toch ) และตาเมือน (Ta Moan) หลักเขตถูกวางไว้ทางใต้ของสันปันน้ำ ตำแหน่งของปราสาทถูกวาดไว้อย่างชัดเจน ในแผนที่ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาต่างมีสำเนา”

นายวาร์ คิม ฮอง กล่าวว่า เมื่อปี 2544 กรมศิลปากรของไทยได้เดินทางไปทำการซ่อมแซมปราสาทตาเมือนธมแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อตน เดินทางไปยังปราสาท ตนได้บอกให้หยุดดำเนินการเนื่องจากปราสาทตาเมือนธมเป็นของกัมพูชา

เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา กองกำลังทหารชายแดนที่ 402 นำโดย พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บังคับการทหารชายแดนที่ 402 กัมพูชา ได้สั่งการให้ทหารกัมพูชาใต้บังคับบัญชากว่า 50 นาย พร้อมอาวุธสงคราม เอเค 47, จรวดอาร์พีจี, ปืนกลเบาและปืนพกสั้น มุ่งหน้าเข้ามายังบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม เพื่อหวังเข้าวางกำลังทหารอยู่ภายในบริเวณปราสาทตาเมือนธม เขตแดนไทย

แต่ได้ถูกกำลังทหารพรานไทย ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 961 และชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เข้าทำการเจรจาและผลักดัน ให้กองกำลังทหารกัมพูชาติดอาวุธทั้งหมดกลับเข้าไปในเขตแดน กัมพูชา และห้ามพกอาวุธสงคราม พร้อมทั้งแต่งเครื่องแบบทหารเข้ามายังเขตแดนไทย และปราสาทตาเมือนธม ตามข้อตกลงที่ทั้งผู้ บังคับบัญชาทหารระดับสูง 2 ฝ่ายได้เจรจากันไว้ และ หากยังดื้อจะนำกำลังพร้อมอาวุธสงครามข้ามเข้าในดินแดนไทย ทหารพรานกอง ร้อยจู่โจมที่ 961 จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทย ยิงผู้รุกรานทันที

เมื่อสถานการณ์ตรึงเครียดขึ้น ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 ได้รายงานเหตุการณ์ ที่เกิดให้ พ.อ.กิตติศักดิ์ บุญพระธรรม ผู้บังคับ การกรมทหารพรานที่ 26 ได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งรายงานไปยังกองบัญชาการกองกำลังสุรนารี ซึ่งผู้บังคับบัญชา ทุกระดับได้สั่งการให้ตรึงพื้นที่อย่างเข้มงวด และห้ามทหารกัมพูชาพกพาอาวุธเข้าในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ การเจรจากันใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ได้สั่งการให้ทหารกัมพูชา ทั้งหมด เดินทางกลับเข้าไปยังฐานปฏิบัติการ ส่วนหน้า ในเขตกัมพูชา ซึ่งตั้งห่างจากทางขึ้นปราสาทตาเมือนธมเพียง 100 เมตร

หลังจากนั้นปรากฏว่าทหารกัมพูชา 2 นาย ได้แต่งชุดพลเรือน เข้ามาหาข่าวในบริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยมีผู้บังคับบัญชาโทรศัพท์ เข้ามาสอบถามสถานการณ์ ในบริเวณปราสาทตาเมือนธมอยู่เป็นระยะๆ

นายทหารสังกัดกรมทหารพรานที่ 26 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ความตรึงเครียดดังกล่าวเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา เมื่อ กัมพูชาที่มาเข้าเวรอยู่บริเวณทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม เห็นทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 961 ของไทยถืออาวุธลาดตระเวนรอบ ปราสาทตาเมือนธม ก็ไปรายงานผู้บังคับบัญชาว่า ทหารไทยทำผิดข้อตกลง ในการนำอาวุธเข้ามายังบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่ง ทหารพรานได้แจ้งให้ทราบว่าจำเป็นต้องมีการลาดตระเวน เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้แก่คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มาศึกษาดู งานบริเวณปราสาทตาเมือนธม ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. จึงจำเป็นต้องเข้มงวดในการเข้าชมปราสาทตาเมือนธม

แม้แต่คนไทยด้วยกันที่เดินทางมา เราก็ยังบอกว่าเข้าชมไม่ได้ เพราะต้องมีการรายงานข้อมูลด้านความมั่นคงและสถานการณ์ต่างๆ ให้ คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ จึงต้องปิดการเข้าชมชั่วคราว และทหารพรานได้แนะนำให้ชาวไทยไปเที่ยวชมปราสาทตาเมือนโต๊ด แทน

อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดมาปะทุขึ้นครั้งอีกครั้ง เมื่อทหารกัมพูชา นำโดย พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชากว่า 50 นาย พร้อม อาวุธสงครามครบมือ พยายามที่ข้ามชายแดนไทย เข้ามาเพื่อวางกำลังทหารที่ปราสาทตาเมือนธมดังกล่าว

“เรา ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และสั่งการให้ตรึงกำลังอย่างเต็มที่ หากทหารกัมพูชาไม่เชื่อฟังก้าวข้ามเข้าในเขต แดนไทย พร้อมอาวุธสงครามเมื่อใด สั่งยิงได้ทันที” แหล่งข่าวนายทหารไทยกล่าว

พร้อมกันนี้ ทหารพรานไทยยังบอกทหารกัมพูชาไปว่า เมื่อทหารกัมพูชาพยายามเข้ามาก่อเรื่อง หากมีการยิงกันเกิดขึ้น ทหารไทยถล่ม ยาวแน่ เรายอมไม่ได้ ขอให้ทหารกัมพูชาไปหาคนมาสั่งหยุดยิงก็แล้วกัน จึงทำให้ พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ นำกำลังทหารทั้งหมดกลับฐานที่ตั้ง ซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธมเพียง 100 เมตร

แหล่งข่าวนายทหารคนเดิมกล่าวว่า ขณะที่ทหารพรานของไทยสั่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างเต็มที่ เนื่องจากเกรงว่าทหาร กัมพูชาจะมีการเสริมกำลังทหารเข้ายึดปราสาทตาเมือนธม ทั้งนี้ เพราะขณะนี้ทหารกัมพูชาได้ก่อสร้างถนนลูกรังจากฝั่งกัมพูชาขึ้นมา ใกล้กับ ปราสาทตาเมือนธม มีระยะห่างเพียง 200 เมตร พร้อมวางกำลังทหารกว่า 100 นาย ตรึงพื้นที่ใกล้ชายแดนไทยบริเวณปราสาท ตาเมือนธมอยู่ตลอดเวลา

นอกจากกรณีปราสาทตามเมือนธมแล้ว เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ ได้รายงานว่า กัมพูชายังได้สร้างถนนสู่ปราสาทตาควายเสร็จแล้ว โดยระบุ ว่าสำนักข่าวข่าวด่วนกัมพูชารายงานว่าการก่อสร้างถนนความยาว 7.3 กิโลเมตรสู่ปราสาทตาควาย (ตากระบรัย – Ta Krabey) ในอำเภอ บ้านใต้มะขาม (บันเตียอัมปึล – Banteay Ampil) จังหวัดอุดรมีชัย (โอดดา เมียนจัย – Oddar Meanchey) ได้แล้วเสร็จหลังเริ่มต้นก่อสร้าง เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา

พลตรีแคง สุเมธ (Kheng Somedh) ผู้บัญชาการกองพลทหารช่างกัมพูชา ระบุว่าถนนความยาว 7.3 กิโลเมตรได้ก่อสร้างโดยการไถ เกรดด้วยรถแทร็คอเตอร์ ถมด้วยดินลูกรัง ใช้เวลาตัดถนนทั้งสิ้น 15 วัน และ จะขยายให้กว้างขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่เขตแดนเพื่อเปลี่ยนชายแดนเป็นพื้นที่แห่งสันติ

ข่าวยังรายงานอีกว่า ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ถนนความยาว 9 กิโลเมตรสู่ปราสาทตาเมือนมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ก่อสร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว

วันเดียวกันหนังสือพิมพ์กัมปูเจียทะไมย์ หรือ "กัมพูชาใหม่" รายงานความคืบหน้าการฝึกซ้อมลาดตระเวณแนวชายแดนว่า กองพันที่ 513 ซึ่งเป็นหน่วยแซกแทรง และตอบโต้ได้เปิดการฝึกเป็นเวลา 8 วัน ใกล้เมืองปอยเปต ระหว่างวันที่ 8 – 15 กันยายน 2553

พันเอกโสก ตินา (Sok Tina) ผู้บัญชาการกองพันที่ 513 ระบุว่าการฝึกแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นแรกเป็นการวางแผนจู่โจม ขั้นที่สองเป็น การปฏิบัติการจริง และขั้นที่สามเป็นขั้นการเตรียมความพร้อมหลังปะทะเพื่อรับคำสั่งถัดไป ขณะที่ พลจัตวา จัน โสภณ (Chan Sophon) รองผู้บัญชาการกองทัพภาค 5 ได้แสดงความขอบคุณต่อกองพันที่ 513 และทหารจากหน่วยอื่นที่ได้ร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งในการ ป้องกันชาติภายใต้การนำที่ยิ่งใหญ่ของนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น