วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

อยากรู้จริงๆ "พลเอก ป."ที่หาญกล้าออกมาปฏิวัติคือใคร...???

อย่างน้อยได้ยินเสียงของคนสามคนแล้วที่ออกมาพูดถึงชื่อของคนที่ชื่อ "ป." ว่าจะเข้ามาก่อการให้เกิดเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเดือนตุลาคมนี้ คนหนึ่งบอกว่า คนชื่อ ป.จะเข้ามาและเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แต่อีกคนหนึ่งบอกว่า จะเข้ามาก่อการให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองขึ้น

คนแรกที่ออกมาพูดคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และตามมาสำทับในลักษณะคล้ายๆกัฯโดย ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย

ดร.สุรพงษ์ บอกว่า ได้รับข้อมูลซึ่งสอดคล้องกับที่พล.อ.ชวลิต พูดว่า จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในเดือนตุลาคมนี้ แต่ข้อมูลที่ตนได้มานั้นต่างจากพล.อ.ชวลิตตรงที่ของพล.อ.ชวลิตจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทางบวก แต่ของตนที่ได้รับมูลมานั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางลบ ดังนั้นมั่นใจว่าจะต้องเกิดการปฏิวัติอย่างแน่นอน

ดร.สุรพงษ์ บอกด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมคนที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว โดยเป็นนายทหารระดับพลเอกชื่อย่อ“ป”รวมทั้งได้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้เรียบร้อยแล้วด้วย

ดร.สุรพงษ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องปฏิวัตินั้น เพราะหลังจากพรรคเพื่อไทยเสนอแผนปรองดองสมานฉันท์แต่ต้องเป็นหมัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีท่าทีแข็งกร้าว ดื้อรั้น เชื่อมั่นในตัวเองว่าหลายฝ่ายสนับสนุนใช้การเมืองแบบเดิม ใช้วาทะศิลป์ทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง และไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรให้เกิดความสมานฉันท์กลุ่มคนที่คิดทำการปฏิวัติก็ไม่เปลี่ยนใจแน่ เพราะสาเหตุดังนี้

1. วันนี้ความแตกแยกที่เกิดขึ้นในพรรคการเมืองมีส.ส.ย้ายไปสังกัดพรรคนั้นพรรคนี้โดยไม่สนใจประชาชนที่เลือกเข้ามาให้อยู่กับพรรคต้นสังกัด มีการซื้อขายนักการเมืองทั้ง ๆ ที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นความล่มสลายของระบอบประชาธิปไตย

2. นักการเมืองทุจริตมโหฬาร รวมทั้งนายทุนที่อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองก็เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์อย่างโจ๋งครึ่ม

3. การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม มีการซื้อขายตำแหน่งเพื่อหวังผลอำนาจทางการเมือง หลังผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้ระบบข้าราชการพัง

4. สังคมวุ่นวาย ความแตกแยกในหมู่ประชาชนยากที่จะเยียวยาได้ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐลงไปสำรวจในพื้นที่แล้วพบว่า มีความแตกแยกเต็มไปหมด ซึ่งทั้งหมดถือเป็นความล่มสลายของประเทศและเป็นวงจรอุบาทว์

ดร.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนสาเหตุที่ต้องปฏิวัติในช่วงเดือนตุลาคม เพราะสถานการณ์ในขณะนั้นทุกอย่างจะสุกงอม อีกทั้งยังเป็นช่วงเริ่มต้นงบประมาณ 2554 ที่ผู้ปฏิวัติจะอ้างได้ว่าเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้นทั้ง 4 ข้อ และปกป้องเงินภาษีของประชาชนจำนวนมหาศาลก่อนที่จะถูกโกงกิน โดยจะตั้งรัฐบาลที่ซื่อสัตย์สุจริตเข้ามาบริหารประเทศ

ดร.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเป็นรัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งก็จะไม่ยอม ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง คนปฏิวัติต้องการให้นักการเมืองเว้นวรรคเพื่อปรับฐานทางการเมืองและฐานของประเทศ ดังนั้นที่ตนต้องออกมาเปิดเผย เพราะไม่ทราบว่าจะทัดทานคนที่ต้องการปฏิวัติได้หรือไม่ แต่หากการปฏิวัติแก้ไขปัญหาได้จริงก็รับได้ เพราะไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้

ในขณะที่โหร คมช."วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ" แห่งสำนักสุขิโต จังหวัดเชียงใหม่ ก็เชื่อเช่นกันว่าการเมืองจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในไม่นานนี้ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รุนแรงเท่านั้นเอง และเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วคราว เข้ามาดูแลปัญหาชาติเพียงไม่นาน และคนที่จะเข้ามาทำการเปลี่ยนแปลงก็ชื่อ "ป."เช่นกัน และเป็นชื่อที่เห็นในจอทีวี เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์บ่อยมาก

ลองสำรวจเล่นๆดูนะครับว่า ใครชื่อ ป.บ้าง

1.พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เข้าใจว่าโอกาสคงเป็นไปได้น้อยมาก แทบเป็นศูนย์

2.พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เห็นหน้าในทีวี และเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ทุกวัน

3.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังจะพ้นจากเก้าอี้รอง ผบ.ทบ.และไปรับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของกองทัพบก ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบกในวันที่ 1 ตุลาคมที่จะถึงนี้

พล.อ.ป. หรือคนชื่อ ป.คุณคิดว่าเป็นใครในสายตาของคุณที่จะคิดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเวลาสั้นๆในเดือนตุลาคมนี้

ที่มา http://www.oknation.net/blog/naiman/2010/09/06/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น